เมนู

กามคุณ 5 นิวรณ์ 5 เจตนาความปรารถนา ความตั้งใจ อันไม่เสมอ
ว่าเป็นกรรมอันไม่เสมอ คำว่า ในโลก คือ ในอบายโลก ฯลฯ อายตน-
โลก เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า พึงรู้กรรมอันไม่เสมออย่างใดอย่างหนึ่ง
ว่าเป็นกรรมอันไม่เสมอ.

[48] คำว่า ไม่พึงประพฤติกรรมอันไม่เสมอเพราะเหตุ
แห่งกรรมอันไม่เสมอนั้น
มีความว่า สัตว์ผู้เกิดมา ไม่พึงประพฤติ
ไม่พึงเอื้อเฟื้อประพฤติ ไม่พึงเอื้อเฟื้อประพฤติโดยชอบ ไม่พึงสมาทาน
ประพฤติซึ่งกรรมอันไม่เสมอ เพราะเหตุแห่งกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม
ปาณาติบาต อทินนาทาน กาเมสุมิจฉาจาร มุสาวาท ปิสุณวาจา
ผรุสวาจา สัมผัปปลาปะ อภิชฌา พยาบาท มิจฉาทิฏฐิ สังขารทั้งหลาย
กามคุณ 5 นิวรณ์ 5 เจตนาความปรารถนา ความตั้งใจอันไม่เสมอ
เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า ไม่พึงประพฤติกรรมอันไม่เสมอเพราะเหตุ
แห่งกรรมอันไม่เสมอนั้น.


ชีวิตน้อยด้วยเหตุ 2 ประการ



[49] คำว่า นักปราชญ์ทั้งหลายได้กล่าวชีวิตนี้ว่าเป็นของ
น้อย
มีความว่า ชีวิต ได้แก่อายุ ความตั้งอยู่ ความดำเนินไป ความ
ให้อัตภาพดำเนินไป ความหมุนไป ความเลี้ยง ความเป็นอยู่ ชีวิตินทรีย์
ก็ชีวิตน้อยโดยเหตุ 2 ประการ คือ ชีวิตน้อยเพราะตั้งอยู่น้อย 1 ชีวิตน้อย
เพราะมีกิจน้อย 1.
ชีวิตน้อยเพราะตั้งอยู่น้อย เป็นอย่างไร ? ชีวิตเป็นอยู่แล้วใน
ขณะจิตเป็นอดีต ย่อมไม่เป็นอยู่ จักไม่เป็นอยู่ ชีวิตจักเป็นอยู่ในขณะจิต

เป็นอนาคต ย่อมไม่เป็นอยู่ ไม่เป็นอยู่แล้ว ชีวิตย่อมเป็นอยู่ในขณะจิต
เป็นปัจจุบัน ไม่เป็นอยู่แล้ว จักไม่เป็นอยู่.
สมจริงดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า :-
ชีวิต อัตภาพ สุขและทุกข์ทั้งมวลเป็นธรรมประ-
กอบกัน เสมอด้วยจิตดวงเดียว ขณะย่อมเป็นไปพลัน
เทวดาเหล่าใด ย่อมตั้งอยู่ตลอดแปดหมื่นสี่พันกัปเทวดา
เหล่านั้น ย่อมไม่เป็นผู้ประกอบด้วยจิต 2 ดวงเป็นอยู่เลย
ขันธ์เหล่าใดของสัตว์ผู้ตาย หรือของสัตว์ที่เป็นอยู่ในโลก
นี้ดับแล้ว ขันธ์เหล่านั้นทั้งปวงเที่ยวเป็นเช่นเดียวกันดับไป
แล้ว มิได้สืบเนื่องกัน ขันธ์เหล่าใด แตกไปแล้วในอดีต
เป็นลำดับ และขันธ์เหล่าใดแตกไปแล้วในอนาคตเป็น
ลำดับ ความแปลกกันแห่งขันธ์ทั้งหลายที่ดับไปในปัจจุบัน
กับด้วยขันธ์เหล่านั้น ย่อมมิได้มีในลักษณะสัตว์ไม่เกิดแล้ว
ด้วยอนาคตขันธ์ ย่อมเป็นอยู่ด้วยปัจจุบันขันธ์ สัตว์โลกตาย
แล้ว เพราะความแตกแห่งจิตนี้เป็นบัญญัติทางปรมัตถ์
ขันธ์ทั้งหลายแปรไปโดยฉันทะ ย่อมเป็นไปดุจน้ำไหลไป
ตามที่ลุ่มฉะนั้น ย่อมเป็นไปตามวาระอันไม่ขาดสาย เพราะ
อายตนะ 6 เป็นปัจจัย ขันธ์ทั้งหลายแตกแล้วมิได้ถึงความ
ตั้งอยู่ กองขันธ์มิได้มีในอนาคต ขันธ์ทั้งหลายที่เกิดแล้ว
ย่อมตั้งอยู่ เหมือนเมล็ดพันธุ์ผักกาดทั้งอยู่บนปลายเหล็ก
แหลมฉะนั้น ก็ความแตกแห่งธรรมขันธ์ทั้งหลายที่เกิดแล้ว

นั้นสกัดอยู่ข้างหน้าแห่งสัตว์เหล่านั้น ขันธ์ทั้งหลายมีความ
ทำลายเป็นปกติ มิได้รวมขันธ์ที่เกิดก่อน ย่อมตั้งอยู่
ขันธ์ทั้งหลายมาโดยไม่ปรากฏแตกแล้วก็ไปสู่ที่ไม่ปรากฏ
ย่อมเกิดขึ้นและเสื่อมไป เหมือนสายฟ้าแลบในอากาศ
ฉะนั้น.

ชีวิตน้อยเพราะตั้งอยู่น้อย อย่างนี้.
ชีวิตน้อยเพราะมีกิจน้อย อย่างไร ? ชีวิตเนื่องด้วยลมหายใจเข้า
ชีวิตเนื่องด้วยลมหายใจออก ชีวิตเนื่องด้วยลมหาย ใจเข้าและลมหายใจออก
ชีวิตเนื่องด้วยมหาภูตรูป ชีวิตเนื่องด้วยไออุ่น ชีวิตที่เนื่องด้วยอาหารที่
กลืนกิน ชีวิตเนื่องด้วยวิญญาณ กรัชกายอันเป็นที่ตั้งแห่งลมหายใจเข้า
และลมหายใจออกเหล่านี้ก็ดี อวิชชา สังขาร ตัณหา อุปาทาน และ
ภพอันเป็นเหตุเดิมแห่งลมหายใจเข้าและลมหายใจออกเหล่านี้ก็ดี ปัจจัยทั้ง
หลายก็ดี ตัณหาอันเป็นแดนเกิดก่อนก็ดี รูปธรรมและอรูปธรรมที่เกิด
ร่วมกัน แห่งลมหายใจเข้าและลมหายใจออกเหล่านี้ก็ดี อรูปธรรมที่ประ
กอบกัน แห่งลมหายใจเข้าและลมหายใจออกเหล่านั้นก็ดี ขันธ์ที่เกิดร่วมกัน
แห่งลมหายใจเข้าและลมหายใจออกเหล่านี้ก็ดี ตัณหาอันประกอบกันก็ดี
ก็มีกำลังทราม ธรรมเหล่านั้นมีกำลังทรามเป็นนิตย์ต่อกันและกัน มิได้ตั้งมั่น
ต่อกันและกัน ย่อมยังกันและกันให้ตกไป เพราะความต้านทานมิได้มีแก่
กันและกัน ธรรมเหล่านั้นจึงไม่ดำรงกันและกันไว้ได้ ธรรมแม้ใดให้ธรรม
เหล่านี้เกิดแล้ว ธรรมนั้นมิได้มี ก็แต่ธรรมอย่างหนึ่ง มิได้เสื่อมไปเพราะ

ธรรมอย่างหนึ่ง ก็ขันธ์เหล่านี้แตกไปเสื่อมไป โดยอาการทั้งปวง ขันธ์
เหล่านี้อันเหตุปัจจัยมีในก่อนให้เกิดแล้ว แม้เหตุปัจจัยอันเกิดก่อนเหล่าใด
เหตุปัจจัยเหล่านั้นก็ตายไปแล้วในก่อน ขันธ์ที่เกิดก่อนก็ดี ขันธ์ที่เกิดภาย
หลังก็ดี มิได้เห็นกันและกันในกาลไหน ๆ ฉะนั้น ชีวิตจึงชื่อว่า เป็น
ของน้อยเพราะมีกิจน้อย
อย่างนี้.
อนึ่ง เพราะเทียบชีวิตของเทวดาชั้นจาตุมมหาราชิกา ชีวิตมนุษย์ก็
น้อย คือเล็กน้อยนิดหน่อย เป็นไปชั่วขณะ เป็นไปพลัน เป็นไปชั่วกาล
บัดเดี๋ยวเดียว ตั้งอยู่ไม่ช้า ดำรงอยู่ไม่นาน เพราะเทียบชีวิตของเทวดาชั้น
ดาวดึงส์......เพราะเทียบชีวิตของเทวดาชั้นยามา.........เพราะเทียบชีวิตของ
เทวดาชั้นดุสิต......เพราะเทียบชีวิตของเทวดาชั้นนิมมานรดี.....เพราะเทียบ
ชีวิตของเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัตดี.......เพราะเทียบชีวิตของเทวดาเนื่องใน
หมู่พรหม ชีวิตมนุษย์น้อย คือเล็กน้อย นิดหน่อย เป็นไปชั่วขณะ เป็น
ไปพลัน เป็นไปชั่วกาลบัดเดี๋ยวเดียว ตั้งอยู่ไม่ช้า ดำรงอยู่ไม่นาน.
สมจริงดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า :-
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อายุของพวกมนุษย์นี้น้อย
จำต้องไปสู่ปรโลก มนุษย์ทั้งหลายจำต้องประสบความตาย
ตามที่รู้กันอยู่แล้วควรทำกุศล ควรประพฤติพรหมจรรย์
ไม่มีมนุษย์ที่เกิดมาแล้วจะไม่ตาย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ผู้
ใดย่อมเป็นอยู่นาน ผู้นั้นก็เป็นอยู่ได้เพียง 100 ปี หรือที่
เกินกว่า 100 ปี ก็มีน้อย.

พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้สุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณภาษิตนี้จบลง
แล้ว จึงตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า :-
อายุของพวกมนุษย์น้อย บุรุษผู้ใคร่ความดี พึงดู
หมิ่นอายุที่น้อยนี้ พึงรีบประพฤติให้เหมือนคนถูกไฟไหม้
ศีรษะ ฉะนั้น เพราะความตายจะไม่มาถึง มิได้มี วันคืน
ย่อมล่วงเลยไปชีวิตก็กระชั้นเข้าไปสู่ความตายอายุของสัตว์
ทั้งหลายย่อมสิ้นไปเหมือนน้ำในแม่น้ำน้อย ย่อมสิ้นไป
ฉะนั้น.


ว่าด้วยปัญญาที่เรียกว่าธี



คำว่า นักปราชญ์ทั้งหลาย ได้กล่าวชีวิตนี้ว่าเป็นของน้อย มี
ความว่า นักปราชญ์ทั้งหลายได้แก่ ผู้มีปัญญาทรงจำ ผู้ถึงพร้อมด้วยปัญญา
ทรงจำ ผู้ติเตียนบาป ปัญญาเรียกว่า ธี ได้แก่ความรู้ ความรู้ทั่ว ความ
เลือกเฟ้น ความเลือกเฟ้นทั่ว ความเลือกเฟ้นธรรม ความกำหนดดี
ความเข้าไปกำหนด ความเข้าไปกำหนดเฉพาะ ความเป็นบัณฑิต ความ
เป็นผู้ฉลาด ความเป็นผู้มีปัญญารักษาตน ปัญญาเป็นเครื่องจำแนก ปัญญา
เป็นเครื่องติด ปัญญาเป็นเครื่องเข้าไปเห็น ปัญญาอันกว้างขวางดุจแผ่นดิน
ปัญญาเป็นเครื่องทำลายกิเลส ปัญญาอันนำไปรอบ ปัญญาเป็นเครื่องเห็น
แจ้ง ความรู้สึกตัว ปัญญาเป็นเครื่องเจาะแทง ปัญญาเป็นเครื่องเห็นชัด
ปัญญาเป็นใหญ่ ปัญญาเป็นกำลัง ปัญญาเป็นศัสตรา ปัญญาเพียงดังปรา-